fs 2020 gameplay
ราคาปิด 10.70 แนวรับ 10.30-10 แนวต้าน 11-11.20, 12ภาครวมตลาดภาคเช้า : ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกปิดที่ 1,503.73 (+11.41) กรอบ 1,496-1,507 ดัชนีปรับรีบาวด์สวนทางกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งล่าสุด ได้กระตุ้นให้คาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มธนาคารคาดไม่มีแรงกดดันจากผลประชุม กนง. เพราะราคาได้ปรับลงสะท้อนข่าวไปวานนี้แล้วและมีการคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% รอการฟื้นของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อไปประกอบกับการเร่งลงทุนของภาครัฐฯโดยจะส่งผลบวกระยะสั้นต่อหุ้นแบงค์ตัวใหญ่เพราะมีสินเชื่อที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัวในสัดส่วนที่สูงกว่าธนาคารขนาดเล็ก ,สำหรับลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT) ได้แก่ PTT, บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ,บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC), กลุ่มเชฟรอนในไทย โดยส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าของบริษัทที่จะป้อนงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นงานด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและน้ำมันทั้งหมดกลยุทธ์ที่แนะนำ :ช่วงบ่าย: คาดดัชนี SET index ภาคบ่ายจะตอบรับกับการประชุม กนง. โดยถ้าหากผลออกมาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารได้ (เราชอบ KBANK มากที่สุดในกลุ่ม) เนื่องจาก NIM ผ่านจุดต่ำที่สุดไปแล้ว แต่ถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดอาจจะแกว่งผันผวนจากการตีความสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ดีนัก-นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นแนะนำตามสัญญาณเทคนิค ได้แก่ VNG (รับ 8.8 ต้าน 9.5 Cut 8.6) และ TAKUNI (รับ 9.3 ต้าน 10.3 Cut 9.0)
แนวรับ 5.45 แนวต้าน 5.95,ด้านนายอุกฤษฏ์ ตัณฑเสถียร กรรมการบริหาร บริษัท พรีโม่ เอ็นเนอร์จี จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศญี่ปุ่นถือว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากภาครัฐฯ ให้การสนับสนุน ขณะเดียวกันเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้จากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ บริษัทจึงสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจดังกล่าว โดยมอบหมายให้กลุ่ม CHOW เป็นผู้พัฒนาโครงการ เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นอย่างดี VNG ทำจังหวะขึ้นเร้าใจ ผ่านแนวต้านสำคัญ High เดิมที่ 9.15 บาท พร้อมกับ Volume ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามด้วย แสดงให้เห็นถึง Momentum เชิงบวกที่ยังคงมีเข้ามากับ VNG ต่อเนื่องอีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการธุรกิจพลังงานทดแทน 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถสรุปดีลดังกล่าวภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยที่มาของเงินลงทุนจะมาจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ ซึ่งจะครบกำหนดในเดือน ม.ค.59 โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เป็นต้นไป คาดว่าจะได้เงินมากว่า 300 ล้านบาทภาครวมตลาดภาคเช้า : ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกปิดที่ 1,513.80(+9.76) กรอบ 1,510-1,518 ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นตามความร้อนแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยความหวังต่อการเจรจาปัญหาหนี้กรีซ หลังจากผู้นำกรีซเข้าประชุมกับผู้นำของเยอรมันและฝรั่งเศส โดยทุกฝ่ายตั้งใจจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤติหนี้ครั้งนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา และธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3% โดยระบุว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดย SETได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารและวัสดุก่อสร้าง จากการปรับขึ้นของน้ำมันดิบ Brent ดีดตัวแรงต่อเนื่องอีก 1.3% และการคงดอกเบี้ยของ กนง. 1.50% เพราะการส่งออกของประเทศยังไม่กระเตื้อง ยังคงต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง แต่พร้อมที่จะใช้นโยบายต่อไปหากจำเป็น นอกจากนี้ ในวันที่ 19 มิ.ย. ธปท.เตรียมปรับลดคาดการณ์ GDP สำหรับปีนี้ที่เคยคาดว่าจะโต 3.8% แต่ไม่น่าจะมีน้ำหนักเชิงลบกดดันต่อ SET มากนักหากยังมีค่ามากกว่า 3% เงินบาทเปิดแข็งค่าต่อหลังกนง.คงดบ. รอดูยอดค้าปลีกสหรัฐฯ คืนนี้SYNEX จัดเป็นหุ้นที่วิ่งขึ้นมาด้วยผลประกอบการ Q1 ที่โตตกใจระดับ 100% เนื่องจากไม่ได้คาดหวังว่ากลุ่มที่ค้าขายอุปกรณ์ไอทีจะโตระดับนี้ จากนั้นเป็นต้นมาราคาหุ้นก็เดินหน้าต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ประเมินว่าผลประกอบการยังคงเติบโตน่าสนใจ โดยมี market share เพิ่มขึ้นและได้สินค้าที่สร้างอัตรากำไรดี และที่ต้องจับตาคือการอยู่ในระหว่างซื้อ 2-3 กิจการด้านไอทีเข้ามาไว้ในอ้อมอกที่พร้อมรับรู้รายได้ทันที จะเป็นใครนั้นรอดูกัน อีกทั้งเตรียมนำบริษัทลูก PRISM เข้าจดทะเบียนด้วย ถือว่าบริษัทมีพัฒนาการที่โดดเด่นขึ้นมา อย่างว่าเวลาอะไรๆ เป็นช่วงน้ำขึ้นก็ดีไปซะทุกอย่าง ขนาดเจ้าของบริษัทก็ยังคว้าตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซะอีก แบบนี้ธุรกิจก้าวหน้า รายได้ก้าวกระโดดไปไหนต่อไหนที่มา : ก.ล.ต.
ภาครวมตลาดภาคเช้า : ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกปิดที่ 1,503.73 (+11.41) กรอบ 1,496-1,507 ดัชนีปรับรีบาวด์สวนทางกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งล่าสุด ได้กระตุ้นให้คาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มธนาคารคาดไม่มีแรงกดดันจากผลประชุม กนง. เพราะราคาได้ปรับลงสะท้อนข่าวไปวานนี้แล้วและมีการคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% รอการฟื้นของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อไปประกอบกับการเร่งลงทุนของภาครัฐฯโดยจะส่งผลบวกระยะสั้นต่อหุ้นแบงค์ตัวใหญ่เพราะมีสินเชื่อที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัวในสัดส่วนที่สูงกว่าธนาคารขนาดเล็กทั้งนี้ หากรวมมูลค่า บิ๊กล็อต ทั้ง 2 วันนั้นรวมแล้วมีมูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านบาท ในราคาเฉลี่ยเดียวกันคือ 12.44 บาทต่อหุ้น ,ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มยานยนต์ ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ปรับขึ้น 1% หุ้นเคบีโฮม ดีดตัวขึ้นกว่า 1% หุ้นแกป ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ ปรับขึ้น 1.9% และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นทวิตเตอร์พุ่งขึ้น 13% หลังจากมีรายงานว่า นายดิค คอสโทโล จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของทวิตเตอร์ UAC คาดปิดดีลซื้อกิจการพลังงานใน 1-2 เดือนนี้-มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้าSAMTELฟื้นกลับตัวขึ้นเป็นวันแรกด้วยรูปแบบ Bullish Harami พร้อมปริมาณการซื้อขายสูงสนับสนุนการกลับตัว แนวต้านแรกบริเวณแนว Downtrend Line ที่ 22.5 บาท และถัดไปที่บริเวณ 23.5 บาท ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ต่างก็ปรับขึ้นกว่า 1.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตันทะยานขึ้นกว่า 2%อีกทั้งคาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 58 จะมีงานฐานรากจากภาคเอกชน โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการอสังหาออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น งานเสาเข็มคอนโดของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ซึ่ง PYLON เป็นพันธมิตรหลัก ราว 6 โครงการ คาดมีมูลค่างานกว่า 150 ล้านบาทTMILL: ราคาปิด 4.08 บาท แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกของ DTAC ยังคงสะท้อนถึง มุมมองของฟิทช์ที่คาดว่าบริษัทจะรักษาระดับกำไรที่แข็งแกร่ง และมีอัตราส่วนหนี้สินที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงเงินทุนหมุนเวียน (Funds flow from operation-adjusted net leverage) ต่ำกว่า 1.5 เท่า (ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2558 อยู่ที่ 1.4 เท่า) อย่างไรก็ตามฟิทช์อาจพิจารณาปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ DTAC เป็น BBB+/AA+(tha) หาก EBITDAR margin ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 40% อย่างต่อเนื่อง (12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงสิ้นไตรมาส 1 ปี 2558 อยู่ที่ 35%) แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกบ่งบอกว่าเงื่อนไขข้างต้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 ปีข้างหน้า
(บรรณาธิการ:admin )
ความคิดเห็นล่าสุด